ข้อมูลใน เครดิตบูโร ประกอบด้วย 2 ส่วนหลักๆ ดังนี้
- ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประชาชน ที่อยู่
- ข้อมูลสินเชื่อ เช่น ประเภทของสินเชื่อ วงเงินที่ได้รับอนุมัติ ยอดคงเหลือ ประวัติการชำระหนี้
สถาบันการเงิน มักจะใช้ข้อมูลในเครดิตบูโรประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์
ประโยชน์
- ช่วยให้ผู้ขอสินเชื่อรู้ประวัติการชำระหนี้ของตัวเอง
- ช่วยให้สถาบันการเงินวิเคราะห์ความเสี่ยงในการให้สินเชื่อ
- ช่วยให้ผู้ขอสินเชื่อเปรียบเทียบข้อเสนอสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่างๆ
- ช่วยป้องกันการฉ้อโกงทางการเงิน
ผู้ขอสินเชื่อ สามารถขอตรวจสอบข้อมูลในเครดิตบูโรได้ โดยเสียค่าธรรมเนียม
ผลกระทบของการติดเครดิตบูโร
หากท่านติดเครดิตบูโร หมายถึง ท่านมี ประวัติการชำระหนี้ไม่ดี ซึ่งจะส่งผลเสียต่อท่าน ดังนี้
1. ถูกปฏิเสธการขอสินเชื่อ
- สถาบันการเงินส่วนใหญ่จะพิจารณาข้อมูลในเครดิตบูโรประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ
- หากท่านติดเครดิตบูโร ท่านมีโอกาสถูกปฏิเสธการขอสินเชื่อ เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์
- แม้ว่าท่านจะมีรายได้เพียงพอ แต่หากท่านมีประวัติการชำระหนี้ไม่ดี สถาบันการเงินก็อาจจะไม่ให้สินเชื่อท่าน
2. เสียเปรียบในการเปรียบเทียบข้อเสนอสินเชื่อ
- หากท่านติดเครดิตบูโร สถาบันการเงินอาจเสนออัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าปกติ
- ทำให้ท่านเสียเปรียบในการเปรียบเทียบข้อเสนอสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่างๆ
3. ถูกจำกัดโอกาสทางการเงิน
- การติดเครดิตบูโร อาจส่งผลกระทบต่อโอกาสทางการเงินอื่นๆ เช่น การสมัครงานเช่าซื้อ
- บางบริษัทอาจตรวจสอบข้อมูลในเครดิตบูโร ก่อนตัดสินใจว่าจะให้เช่าซื้อหรือไม่
4. เสียชื่อเสียงทางการเงิน
- การติดเครดิตบูโร แสดงว่าท่านมีประวัติการชำระหนี้ไม่ดี
- อาจส่งผลต่อชื่อเสียงทางการเงินของท่าน และอาจสร้างความยากลำบากในการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ในอนาคต
วิธีแก้ไขเมื่อติดเครดิตบูโร
1. ชำระหนี้ค้างชำระทั้งหมด
- สิ่งสำคัญที่สุดคือ ท่านต้องชำระหนี้ค้างชำระทั้งหมดให้ครบถ้วน
- เมื่อท่านชำระหนี้ค้างชำระ ข้อมูลในเครดิตบูโรของท่านจะได้รับการแก้ไข
- และท่านจะสามารถขอสินเชื่อใหม่ได้
2. ติดต่อสถาบันการเงินเจ้าหนี้
- ท่านสามารถติดต่อสถาบันการเงินเจ้าหนี้ เพื่อขอเจรจาต่อรองการชำระหนี้
- เช่น ขอผ่อนชำระหนี้เป็นงวด หรือขอขยายเวลาชำระหนี้
3. ปรับปรุงพฤติกรรมการชำระหนี้
- หลังจากท่านชำระหนี้ค้างชำระทั้งหมดแล้ว ท่านต้องปรับปรุงพฤติกรรมการชำระหนี้
- โดยชำระหนี้ตรงเวลาทุกเดือน ไม่ก่อหนี้ใหม่ และรักษาเครดิตบูโรให้ดี
4. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเครดิตบูโร
- ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเครดิตบูโรเพิ่มเติม
- จากเว็บไซต์ของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่น่าเชื่อถือ
ขั้นตอนการตรวจเครดิตบูโร
ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ.2545 มาตรา 25 เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าของข้อมูลให้เจ้าของข้อมูล มีสิทธิที่จะตรวจสอบข้อมูลของตน โดยบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด มีความยินดีที่ให้ท่านตรวจสอบข้อมูล ดังนี้
ณ ที่ทำการบริษัท (ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร) มีขั้นตอนดังนี้
1. เจ้าของข้อมูลมาติดต่อด้วยตนเอง แสดงเอกสารหลักฐาน ดังนี้
กรณีบุคคลธรรมดา
- บัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง หรือบัตรประจำตัวบุคคลต่างด้าวตัวจริงนำมาแสดง
กรณีนิติบุคคล
- สำเนาหนังสือรับรองของนิติบุคคล ที่รับรองไว้ไม่เกิน 3 เดือน และลงนามรับรองความถูกต้องโดยกรรมการผู้มีอำนาจ
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทางของกรรมการผู้มีอำนาจ และลงนามรับรองความถูกต้อง พร้อมตัวจริงนำมาแสดง
- ตราประทับของนิติบุคคล (ถ้ามี) เพื่อใช้ประกอบการยื่นขอคำขอตรวจสอบข้อมูลเครดิต
2. เจ้าของข้อมูลมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมาดำเนินการแทน แสดงเอกสารหลักฐาน ดังนี้
กรณีบุคคลธรรมดา
- หนังสือมอบอำนาจบุคคลธรรมดา กรอกรายละเอียดและลงนามให้สมบูรณ์ครบถ้วน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ และลงนามรับรองความถูกต้อง พร้อมตัวจริงมาแสดง
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ และลงนามรับรองความถูกต้อง พร้อมตัวจริงมาแสดง
กรณีนิติบุคคล
- หนังสือมอบอำนาจนิติบุคคล กรอกรายละเอียดและลงนามให้สมบูรณ์ครบถ้วน
- สำเนาหนังสือรับรองของนิติบุคคล ที่รับรองไว้ไม้เกิน 3 เดือน และลงนามรับรองความถูกต้องโดยกรรมการผู้มีอำนาจประทับตราของนิติบุคคล (ถ้ามี)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทางของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม และลงนามรับรองความถูกต้องพร้อมตัวจริงนำมาแสดง
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทางของผู้รับมอบอำนาจ และลงนามรับรองความถูกต้องพร้อมตัวจริงนำมาแสดง
*** ยื่นเอกสารในข้อ 1 และชำระค่าธรรมเนียมในการตรวจสอบข้อมูลเครติดต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัท
*** เจ้าของข้อมูลสามารถขอรับรายงานภายในวันยื่นคำขอ หรือยื่นความจำนงให้จัดส่งรายงานทางไปรษณีย์ลงทะเบียน (กรณีให้จัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ฉบับละ 20 บาท)
ขอบคุณข้อมูลจาก www.ncb.co.th