สมอง หนึ่งในอวัยวะสำคัญของมนุษย์ แต่รู้ไหมว่า ความแตกต่างของสมอง ผู้ชาย และผู้หญิง นั้นต่างกัน แต่ต่างกันอย่างไรนั้นวันนี้เรามีคำตอบ
ความแตกต่างของสมอง ผู้ชาย และผู้หญิง อัปเดต 2567
โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้ให้ข้อมูลไว้ดังนี้ จากผลงานวิจัยที่น่าทึ่งเกี่ยวกับการทำงานของสมองในเรื่องของความแตกต่างทางเพศที่ส่งผลให้พฤติกรรม ความสามารถ และความถนัดมีความแตกต่างกัน เรามาดูกันดีกว่าค่ะสมองของผู้หญิงกับผู้ชายมีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อที่จะได้เข้าใจในธรรมชาติของสมองให้มากขึ้น สมองเป็นอวัยวะที่มหัศจรรย์และมีการทำงานที่ซับซ้อนที่สุด พฤติกรรมหลาย ๆ อย่างที่เราเห็นเกิดจากการทำงานของสมอง ซึ่งในผู้ชายและผู้หญิงมีความแตกต่างกัน ดังนี้ ผู้ชาย
- มีจำนวนเซลล์สมอง เนื้อสมองมากกว่าผู้หญิงและใช้สมองซีกซ้ายได้ดี
- ใช้ทักษะในด้านมิติสัมพันธ์ได้ดี ความลึก ทิศทาง ระยะห่าง
- สามารถคิดได้ซับซ้อน เช่น เรื่องแผนที่ แก้ปริศนาต่าง ๆ
- มีความสามารถในการวิจัยและค้นคว้า ทดลอง สังเกตสิ่งต่าง ๆ ได้ดี
- มีความสามารถในการใช้ภาษาที่จะสื่อสาร อธิบายเหตุผล หรือความคิดทางคณิตศาสตร์
- มีความคิดที่อิสระในการแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ
ความถนัด คำนวณ ตรรกะ วางแผน ภาษาเชิงเหตุผล การควบคุมทิศทาง ผู้หญิง
- ใช้สมองทั้งสองซีกได้ดีมาก หากมีการทำลายสมองซีกซ้าย ผู้หญิงยังสามารถใช้สมองซีกขวาในการสื่อสารได้ แต่ผู้ชายทำไม่ได้หรือทำได้ช้ามาก
- แสดงความรู้สึก อารมณ์ สร้างความผูกพันทางอารมณ์ดีกว่าผู้ชาย
- รับรู้ เข้าใจอารมณ์ การแสดงออกของสีหน้า ท่าทาง และจดจำหน้าคนดีกว่าผู้ชาย ไวต่อกลิ่น รส การสัมผัส เสียง
- มีสมองซีกขวาที่มีความสามารถด้านภาษา ไวยากรณ์ ที่มีความสัมพันธ์กับความรู้สึกและอารมณ์
- รับข้อมูลและนำมาคิดได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการตอบคำถามแบบมีตัวเลือก
- ความรู้สึกเข้าอกเข้าใจคนอื่นได้ดี สนใจในเรื่องความรับผิดชอบทางสังคม
ความถนัด การแสดงความรู้สึก ความจำ เห็นอกเห็นใจ ความละเอียดอ่อน
จากงานวิจัยอื่นๆ
จากหนังสือ Unleach the Power of the Female Brain ของ แดเนียล จี เอเมน นักประสาทวิทยาชาวอเมริกา ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลขึ้นจากการศึกษาภาพสแกนสมองกว่า 80,000 ภาพ งานวิจัยอีกจำนวนไม่น้อย และจากการศึกษาการตอบสนองหรือควบคุมของสมองขณะกำลังทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ได้พาเขามาถึงบทสรุปที่ว่า ระบบการทำงานของสมองในผู้ชายและผู้หญิงนั้นแตกต่างกัน โดยสมองของผู้ชายนั้นมีขนาดใหญ่กว่าผู้หญิงประมาณ 8-10% และต่อให้คำนวณละเอียดขึ้นเป็นสัดส่วนสมองต่อน้ำหนักตัวแล้ว ผู้ชายก็ยังคงมีจำนวนเซลล์สมองมากกว่าผู้หญิงราว ๆ 4%
อย่างไรก็ดี การที่ผู้ชายมีสมองขนาดใหญ่กว่าไม่ได้หมายความผู้ชายจะฉลาดกว่า ทั้งหญิงและชายมีศักยภาพในความฉลาดเฉลียวเท่า ๆ กัน เพียงแต่สมองของทั้งสองเพศนั้นทำงานแตกต่างกันออกไปในบางจุด โดยเฉพาะในสมองส่วน พรีฟรอนทอล คอร์เท็กซ์ (prefrontal cortex) ซึ่งทำหน้าที่เรื่องการตัดสินใจ การวางแผน ความมีสติรอบคอบระมัดระวัง ในผู้หญิงมีขนาดใหญ่กว่าผู้ชาย นั่นจึงทำให้ผู้หญิงคิดเยอะ วางแผนมาก ก่อนจะลงมือทำ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจัดกระเป๋าเตรียมเสื้อผ้านานเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่ไปพักผ่อนแค่ 3 วัน 2 คืนเท่านั้นเอง
ส่วนในผู้ชายนั้นมีสมองส่วน อะมิกดาลา (amygdala) หรือบ่อยครั้งที่ถูกเรียกว่า สมองส่วนเจ้าอารมณ์ (emotional brain) มากกว่า เหตุเพราะมันทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของอารมณ์พื้นฐาน เช่น ความกลัว ความโกรธ สิ่งนี้จึงอธิบายได้ว่าทำไมผู้ชายจึงมีอารมณ์ฉุนเฉียวได้รุนแรง แต่ก็เป็นโชคดีพอ ๆ กันที่ผู้ชายเองก็มีเซลล์สมองส่วนที่ทำหน้าที่จดจำน้อยกว่าผู้หญิง พอได้ระเบิดอารมณ์ออกมาก็คล้ายว่าได้ปลดปล่อย แล้วก็ลืมไปได้ง่าย ๆ เสียอย่างนั้น
นอกจากมีสมองส่วน อะมิกดาลา ใหญ่กว่าผู้หญิงแล้ว ผู้ชายยังมีกลีบสมองส่วนหลัง (parietal lobe) ซึ่งทำหน้าที่รับรู้สิ่งรอบตัวใหญ่กว่าผู้หญิง ทำให้เขาแม่นยำเรื่องทิศทางมากกว่า แถมยังมีเซลล์สมองส่วนไฮโปทาลามัส ซึ่งเป็นส่วนกำหนดควบคุมความรู้สึกทางเพศ จึงทำให้หนุ่ม ๆ ตื่นตัวกับเรื่องบนเตียงมากกว่าผู้หญิงอีกด้วย
งานวิจัยเพิ่มเติม
ราจินี เวอร์มา นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย อธิบายว่า ตามหลักแล้ว สมองซีกซ้ายจะทำหน้าที่เกี่ยวกับตรรกะ การใช้เหตุผล ส่วนสมองซีกขวาจะเกี่ยวกับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ดังนั้น ถ้างานไหนที่ต้องใช้ทักษะทั้งสองด้าน ผู้หญิงจะทำได้ดีกว่า และผู้หญิงมีความคิดริเริ่มและการจดจำที่ดีกว่า
เนื่องจากสมองทั้งสองซีกของผู้หญิงทำงานเชื่อมโยงกันมากกว่า ขณะที่เชฟและช่างทำผมที่ดี ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย เนื่องจาก ผู้ชายมีประสาทการรับรู้ที่ดีกว่า และผู้ชายมักเล่นกีฬาเก่งกว่า เพราะควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายได้ดีกว่า
นอกจากนี้ ผลการศึกษาพบว่า การทำงานของสมองของผู้หญิงและผู้ชายจะมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อย ในวัยเด็กจนถึงอายุประมาณ 13 ปี และจะเริ่มทำงานแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดมากขึ้นในช่วงอายุ 14-17 ปี
จากการศึกษาเกี่ยวกับกระแสไฟฟ้าในสมองของหญิงชายที่มีสุขภาพจิตดี นักวิทยาศาสตร์ได้เห็น และเข้าใจการทำงานที่ปกติของสมองทั้งสองเพศในช่วงวัยต่างๆมากขึ้น นักวิทยาศาสตร์จึงหวังว่า อีกไม่นาน จะสามารถหาคำตอบได้ว่า การทำงานที่ผิดปกติของกระไฟฟ้าในสมองจะทำให้เกิดความผิดปกติทางสมอง อย่างโรคจิตเภท หรือโรคซึมเศร้าหรือไม่