มนุษย์ เราทุกคนล้วนอยากมีชีวิตที่ดีและมีความสุข คือ 5 รูปแบบของความสุขที่ส่งผลเสียต่อตัวคุณ 2567 แต่ในปัจจุบันมนุษย์ยิ่งนำชีวิตเข้าสู่หนทางแห่งความทุกข์มากขึ้น เพราะการอยากได้ใคร่มี ดังนั้นจึงได้เป็นทุกข์ไม่จบสิ้น คนที่มีความสุข คือคนที่มีความสมหวัง
เป็นคนที่สามารถประกอบกิจการงานประสบความสำเร็จตามความปรารถนา มีร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ไม่มีอารมณ์ขุ่นมัวหรือวิตกกังวล มีอารมณ์มั่นคง มีความอดทนและมีความสามารถต่อสู้อุปสรรคต่าง ๆ ได้ เป็นคนที่ยอมรับความจริงในชีวิต ทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคม
กล่าวโดยสรุป คนที่มีความสุขก็คือ คนที่มีสุขภาพดีทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เป็นคนที่สามารถปรับตัวได้อย่างดีในการดำรงชีวิตประจำวัน ความสุขเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ เป็นการมองชีวิต มองตัวเอง และมองผู้อื่น ดังนั้นความสุขจึงเกิดขึ้นได้กับคนทุกชั้นไม่ว่า ผู้ดี มั่งมี หรือ ยากจน ทว่าการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นสุดยอดปรารถนาของมนุษย์ทุกคนนั้น ต้องอาศัยการปฏิบัติด้วยความตั้งใจจริงในชีวิตประจำวัน จึงจะเห็นผล เทคนิค 5 ประการต่อไปนี้ อาจจะเป็นแนวทางช่วยนำไปสู่ความสุขและความสำเร็จตามที่ปรารถนา
- พยายามรักษาสุขภาพทางกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
สุขภาพทางกายและสุขภาพทางจิตมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด คนที่มีร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี ย่อมมีจิตใจร่าเริง สนุกสนาน ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่แข็งแรง ย่อมเจ็บป่วยเสมอ ทำให้มีอารมณ์หงุดหงิด รำคาญใจ ดังนั้นเราจึงควรรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอโดยการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ มีการพักผ่อนเพียงพอ รักษาความสะอาดของร่างกายและเครื่องใช้ ตลอดจนหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ
- เปิดใจให้กว้าง
การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยความสงบสุขนั้น คุณจำเป็นต้องเปิดใจให้กว้าง รับฟังความคิดเห็นของคนที่คิดแตกต่าง แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับทุกเรื่องที่เขาคิดหรือทำก็ตามรวมทั้งเปิดใจพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ในโลกปัจจุบัน และอยู่กับมันอย่างมีความสุข
- มองว่าความทุกข์คือครู
อย่ามัวนั่งจมอยู่กับทุกข์ และมองว่าความทุกข์เป็นเรื่องเลวร้ายแต่จงมองว่าความทุกข์คือครูที่ทำให้คุณได้เรียนรู้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น รวมทั้งให้พลังแฝงในการเอาชนะความยากลำบากต่างๆ เพื่อก้าวข้ามเรื่องทุกข์ร้อนทั้งหลาย ดังนั้น หากคุณเรียนรู้ที่จะจัดการกับความทุกข์ และพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ชีวิตของคุณก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีและมีความสุข
- ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
มนุษย์ทุกคนล้วนเคยทำความผิดมาแล้วทั้งนั้น ไม่มากก็น้อย ไม่มีใครในโลกที่ไม่เคยทำผิดมาก่อน แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ เมื่อทำผิด เราได้เรียนรู้อะไรจากมันบ้าง ทางเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ คือ การยอมรับว่าเกิดปัญหา ซึ่งคนส่วนใหญ่มักไม่กล้ามองปัญหา ไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองคือสาเหตุของปัญหา นอกจากปัญหาจะไม่ได้รับการแก้ไขแล้ว ก็เหมือนยิ่งไปสร้างปมปัญหาใหม่เพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น การกล้าที่จะยอมรับความจริง คือ การเริ่มต้นแก้ปัญหา
- ต้องรู้จักพอใจในสิ่งที่ตนทำอยู่
การรู้จักพอใจในงานหรือสิ่งที่ตนทำอยู่ จะทำให้บุคคลนั้นเกิดอารมณ์สนุก ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ทำให้ชีวิตน่าสนใจ มีความกระตือรือร้นในการทำงาน มีกำลังใจเข้มแข็งในการต่อสู้อุปสรรคต่าง ๆ มีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส ทำให้ชีวิตมีความสุขและสดชื่นอยู่เสมอ
5 รูปแบบของความสุขที่ส่งผลเสียต่อตัวคุณ 2567
ความสุขเป็นนามธรรมที่ไร้รูปร่างหน้าตา แต่เราทุกคนล้วนจับต้องมันได้จากภายในสมอง และจิตวิญญาณ แต่ความสุขบางรูปแบบอาจเป็นขนมแสนหอมหวาน พร้อมสอดไส้มาไซยาไนด์ หรือหมาป่าในชุดนอนของคุณยายใจดี มาดูกันว่าความสุขที่ส่งผลเสียต่อตัวคุณมีแบบไหนบ้าง?
1. ความสุขที่ต้องตามหาแบบไม่สิ้นสุด
เป็นเรื่องปกติที่มนุษย์จะดิ้นรนไขว่คว้าหาความสุขในรูปแบบต่าง ๆ แต่การมีมาตรฐานทางความสุขที่เหนือจริง และไกลเกินไปอาจสร้างความกดดัน ความเครียด และวิตกกังวล ซึ่งกระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนความเครียดที่ชื่อคอร์ติซอล (Cortisol) ที่อาจส่งผลต่อการนอนหลับ ระบบภูมิคุ้มกัน และสมอง
การศึกษาพบว่าคนที่มีภาวะเครียด และมีการหลั่งคอร์ติซอลบ่อย ๆ เสี่ยงต่อโรคทางอารมณ์ โรคหัวใจ และปัญหาสุขภาพอีกหลายอย่าง และต่อให้ไม่ได้เครียดมาก แต่เครียดบ่อยก็ส่งผลเสียได้ไม่ต่างกัน นอกจากนี้ การเลือกที่จะสัมผัสแต่ความสุขอาจทำให้ภูมิต้านทานต่อความทุกข์น้อย เมื่อต้องเจอกับความทุกข์ความผิดหวัง อาจสร้างผลกระทบต่อจิตใจได้มากกว่าที่ควรจะเป็น
ตัวอย่างของการตามหาความสุขที่ไม่สิ้นสุดก็อย่างเช่น คนที่เป็นเพอร์เฟกชันนิสต์ที่ไม่สามารถทนต่อความผิดพลาด ซึ่งเป็นสิ่งสามัญที่มนุษย์เจออยู่ในทุกวัน หรือจะเป็นการทำตัวให้มีความสุขตามมาตรฐานโซเชียลมีเดีย โดยที่ตัวเองไม่ได้อยากทำ แค่คิดว่าอยากจะทำบ้าง แต่สุดท้ายกลับรู้สึกว่างเปล่า ไปจนถึงการมีมายด์เซตที่ยึดติดกับเป้าหมายอะไรบางอย่างที่อยู่ไกลมาก ๆ จนลืมความสุขจากความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างทาง
2. ความสุขที่ใช้กลบเกลื่อนความทุกข์
บางคนอาจมีคาแรกเตอร์เป็นคนตลก ยิ้มแย้ม และสร้างความสุขให้กับคนอื่น ๆ จนบางทีอาจรู้สึกว่าตัวเองไม่ถูกอนุญาตให้ทุกข์แบบคนอื่นเขา สิ่งที่ทำได้ก็เพียงการหาความสุขเพิ่มมากขึ้นเพื่อฉาบความทุกข์ หรืออารมณ์ด้านลบไว้หลังกำแพง ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถมีความสุขได้อย่างเต็มที่ หรืออาจระเบิดอารมณ์ด้านลบเหล่านั้นออกมาในสักวันหนึ่ง จนอาจนำไปสู่ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ และสภาพจิตใจได้
นอกจากนี้ การฝืนยิ้มเป็นเวลานาน ๆ ยังทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าตึงตัว และเกิดอาการปวดหัวได้ด้วย เพราะแบบนี้เก็บโคต้าการยิ้มไว้ตอนที่มีความสุขจริง ๆ จะดีกว่า
แม้ว่าความสุขสามารถลบเลือนความทุกข์ได้ แต่ก็ไม่ทั้งหมดเสมอไป เพราะอารมณ์ด้านลบ หรือความคิดบางอย่างเปรียบเหมือนกับของเสียที่ร่างกายจำเป็นต้องกำจัดทิ้งเท่านั้น ไม่สามารถนำไปรีไซเคิล หรือว่าหายวับไปเองได้ การเก็บสิ่งปฏิกูลทางความคิด ทางอารมณ์เหล่านี้ไว้จึงไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก
ลองเปิดใจ และหาพื้นที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการเขียนไดอารี่ระบายเรื่องราวในใจ การเปิดใจคุยกับเพื่อน คนรัก ครอบครัว หรือคนที่ไว้ใจเพื่อปลดปล่อยสิ่งคั่งค้างเหล่านั้น ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม เพราะทุกคนมีสิทธิที่สุข และทุกข์ได้ไม่ต่างกัน
3. ความสุขของคนอื่นที่ต้องมาก่อนเสมอ
การแบ่งปัน และสร้างความสุขให้กับคนอื่นเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็อย่าลืมว่าตัวเองก็ต้องมีความสุขด้วย ซึ่งอาจสำคัญกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ ผู้เขียนเคยดูรายการ Rupaul’s Drag Race ทีวีโชว์ฝั่งอเมริกาที่โฮสต์รายการจะมีวรรคทองที่ว่า “If you can’t love yourself, how the hell you gonna love somebody else?” หรือ ถ้าคุณไม่รักตัวเอง คุณจะไปรักคนอื่นได้อย่างไรล่ะ?
ซึ่งก็จริงตามนั้น การสร้างความสุขให้กับตัวเองเป็นพื้นฐานที่จะทำให้เรามีพลังงานด้านบวกเพื่อส่งผลต่อให้คนรอบข้าง และถ้าคุณชื่นชอบการแบ่งปันความสุข คุณควรเติมความสุขให้ตัวเองอยู่เสมอ และบางครั้งก็ควรปล่อยให้คนอื่นไขว่คว้าความสุขด้วยตัวของเขาเองบ้าง
เพราะถ้าหากคุณสร้างความสุขให้กับคนอื่นเพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่ได้ทำความต้องการของตัวเองเลย คุณอาจเสี่ยงต่อภาวะเครียดเรื้อรัง และภาวะหมดไฟ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต และทำให้คุณไม่อยากทำอะไรเพื่อใครอีกเลย
4. ความสุขจากอะไรที่มากเกินไป
ที่มาของความสุขของคนเรานั้นแตกต่างกัน แต่ก็มีบางที่มาที่มวลมนุษยชาติเห็นพ้องต้องกัน เช่น การกินอาหารอร่อย การดื่มสังสรรค์ การนอน การไม่ต้องทำอะไร ไปจนถึงการใช้สารเสพติด ซึ่งแน่นอนว่าการสิ่งนี้ในระดับที่มากเกินไปนำมาซึ่งผลเสีย อย่างปัญหาสุขภาพจากน้ำหนักตัว อุบัติเหตุจากการความมึนเมา ความขี้เกียจ หรือปัญหาด้านสุขภาพ สังคม การเงิน และอื่น ๆ อีกมากมาย
ความสุขรูปแบบนี้เป็นสิ่งมนุษย์เจอได้ทุกวัน แน่นอนว่าความสุขเหล่านี้เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรเข้าไปยุ่ง แต่เอาเป็นว่าการรับรู้ไว้อาจพอช่วยให้เรามีข้อมูลว่ามีความเสี่ยงจากความสุขประเภทนี้อาจเป็นอันตรายต่อเราเอง หรืออาจเป็นภาระคนรอบข้างในสักวันหนึ่ง
5. ความสุขล้นปรี่ที่อาจทำให้อายุสั้น
ความสุขมาก ๆ ก็อาจจะเป็นเรื่องดี แต่ถ้าสุขจนทะลุปรอทอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพหัวใจได้ ข้อมูลจาก University Hospital Zurich ได้ศึกษากลุ่มอาการหัวใจแตกสลาย (Takotsubo Syndrome) ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนเฉียบพลัน ส่งผลต่อการทำงานหัวใจ และการสูบฉีดเลือดได้ โดยปกติสัมพันธ์กับความเครียด หรือความเศร้าแบบสุดขีด
ข้อมูลชุดนี้พบว่าคนที่มีกลุ่มอาการหัวใจแตกสลาย 96 เปอร์เซ็นต์จาก 485 คนเป็นผลมาจากความเศร้า ส่วนอีก 4 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือเป็นผลมาจากความรู้สึกดีใจ หรือมีความสุขแบบสุดขีด ดังนั้น ความสุขที่มากเกินก็เสี่ยงจะส่งผลเสียได้เหมือนกัน
นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาที่พบว่าความสร้างสรรค์ของมนุษย์จะลดลงเมื่ออยู่ในภาวะที่มีความสุขมาก ๆ ด้วย รวมถึงความสามารถในการใช้เหตุ การตัดสินใจ และความคิดรอบคอบที่ลดลงด้วย