ประเทศไทยนั้นเข้าสู้หน้าร้อนแบบเต็มตัวแล้ว แต่จริงๆ แล้วประเทศไทยนั้นก็ร้อนทั้งปี โดยเฉพาะเดือนเมษายนนั้นจะร้อนเป็นพิเศษ อีกทั้งในตอนนี้โลกของเราก็เข้าสู้สภาวะโลกร้อน ทำให้ร้อนขึ้นทุกปี ดังนั้นคนในปัจจุบันจึงเป็นโรคลมแดดกันมากขึ้น โรคลมแดดนั้นเกิดจากร่างกายร้อนจัดจนทำให้อุณหภูมิในร่างกายมนุษย์เพิ่มตามไปด้วย เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนสูงกว่า 40 องศาเซลเซียสและไม่สามารถที่จะระบายออกได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงทำให้เกิดโรคลมอดดนั้นเอง วันนี้เราเลยรวบรวม วิธีป้องกันโรค Heat stroke มาฝาก
อาการของโรค Heat stroke เบื้องต้น
โรคลมแดดนั้นมีหลายอาการด้วยกัน การที่เรานั้นเป็นลมแล้วเสียชีวิตหลายคนก็คงสงสัยว่าเป็นลมแล้วเสียชีวิตได้ยังไง แต่จริงๆ แล้วการเป็นลมธรรมดา กับการเป็นลมที่เกิดจากโรคลมแดดนั้นแตกต่างกัน วันนี้เราเลยเอาวิธีสังเกตง่ายๆ มาฝาก
- ผู้ป่วยจะมีไข้สูงมากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส
- จะมีอาการปวดเมื่อย อ่อนเพลีย คลื่นไส้อยากอาเจียนและเบื่ออาหาร
- ผิวหนังตามร่างกายจะเริ่มมีสีแดง และจะไม่มีเหงื่อ
- มีอาการปวดศีรษะ เริ่มตอบสนองช้า สับสน อาจมีอาการชักและหมดสติได้ในที่สุด
- เริ่มหายใจถี่เร็ว ความดันต่ำและมีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีการของเหลวในปอด
- ปัสสาวะมีสีเข้มและปัสสาวะได้น้อย เพราะเกิดจากมีการสลายกล้ามเนื้อ อาจจะเกิดภาวะไตวาย
- หากมีอาการเหล่านี้และไม่ได้รับการรักษาทันที อาจทำให้เสียชีวิตได้ในที่สุด
โรคฮีทสโตรกหรือโรคลมแดด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
- Classical เกิดจากภาวะอากาศร้อนที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมภายนอกโดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนมากๆ ในระหว่างวันที่ส่งผลต่อร่างกายและระบบประสาทส่วนกลาง ก็คือจะมีอุณหภูมิในร่างกายจะสูงกว่าปกติ และไม่มีเหงื่อ มักจะพบได้กับกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัวร้ายแรงและในกลุ่มผู้สูงอายุ
- Exertional จะเกิดจากภาวะที่มีอากาศร้อนเช่นเดียวกัน และเกิดในกลุ่มคนที่ใช้แรงงานหรือกลุ่มนักกีฬา ซึ่งจะเริ่มมีอาการมีเหงื่อออกแต่เหงื่อก็จะหยุดและเกิดการสลายเซลล์กล้ามเนื้อและมีอาการแทรกซ้อนต่างๆ ทั้งมีโพแทสเซียมแลฟอสฟอรัสในเลือดสูง อีกทั้งมีแคลเซียมต่ำและมีไมโอโกลบินในปัสสาวะ ทำให้มีโอกาสภาวะไตวาย ชักหมดสติ และเสียชีวิตได้
ใครบ้างที่จะเป็นกลุ่มเสี่ยงของโรค
- กลุ่มเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบ รวมถึงผู้สูงอายุ
- กลุ่มคนทำงานกลางแจ้ง หรือต้องทำกิจกรรมกลางแดดเป็นเวลานานๆ
- กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัวร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง
- กลุ่มคนที่มีภาวะเป็นโรคอ้วน น้ำหนักเกินเกณฑ์
- กลุ่มคนที่พักผ่อนน้อย นอนไม่เพียงพอ ซึ่งจะทำให้กลไกควบคุมอุณหภูมิในร่างกายไม่มีประสิทธิภาพ
- กลุ่มคนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ และดื่มในปริมาณมาก ๆ
วิธีหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดอาการ
- ให้ดื่มน้ำมากๆ หรือจิบน้ำบ่อยๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ เป็นการช่วยให้ร่างกายปรับอุณหภูมิให้เย็นลงได้ตามอุณหภูมิปกติตามธรรมชาติ
- ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่เพิ่มมากขึ้นจากปกติ
- เลือกสวมเสื้อผ้าที่สามารถจะระบายอากาศได้ดี หรือเป็นผ้าแบบเบาบาง และใส่แบบสบายๆ ไม่รัดแน่นจนเกินไป จะทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิที่เหมาะสม
- ในระหว่างวันในช่วงที่มีอากาศร้อนสูงสุด ไม่ควรจะออกกำลังกาย หรือใช้แรงทำงานมากในช่วงเวลานั้น จะยิ่งทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่มีแดดจัด รวมถึงการนั่งในรถยนต์ที่จอดไว้ถึงแม้จะเปิดกระจกทิ้งไว้หรือจอดรถยนต์ไว้ในที่ร่มก็ตาม เพราะอุณหภูมิในรถยนต์สามารถร้อนจัดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
วิธีป้องกันการเกิดโรคลมแดด
1.ควรจะต้องมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องหนักเกินไป อย่างน้อยวันละ 30 นาที
2.ดื่มน้ำอย่างน้อยที่สุดก่อนออกจากบ้าน 1-2 แก้ว และควรจะพกขวดน้ำเพื่อที่จะได้ดื่มเมื่อรู้สึกกระหายน้ำได้ทันทีเป็นการรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่
3.ควรเลือกสวมเสื้อผ้าที่มีสีอ่อน เนื้อผ้าไม่หนาหรือหนัก
4.ทาครีมกันแดด เป็นประจำทุกวัน หรืออย่างน้อยก่อนจะออกจากบ้าน ครีมกันแดดจะต้องที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไป
5.เมื่ออยู่นอกสถานที่ ควรเลี่ยงที่จะยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดด
6.หลีกเลี่ยงการกินยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก โดยเฉพาะก่อนการออกกำลังกายหรือการอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนเป็นเวลานาน
7.ไม่ควรจะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติดทุกชนิด และยาแก้แพ้ ลดน้ำมูก ในช่วงที่มีอากาศร้อนหรือก่อนออกกำลังกาย
8.เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ ควรจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด จะต้องอยู่ในห้องหรือสถานที่ ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี
ขอบคุณข้อมูลจาก shopee.co.th/blog