บล็อกเชน (Blockchain) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้เพื่อจัดเก็บข้อมูลและทำธุรกรรมในรูปแบบของบล็อก (blocks) ที่เชื่อมต่อกันเป็นลำดับ แต่ละบล็อกมีข้อมูลที่ถูกเข้ารหัส (hash) และประชุมด้วยข้อมูลจากบล็อกก่อนหน้า ทำให้เกิดลูกโซ่ของบล็อกที่ต่อเนื่องกัน
บล็อกเชนเป็นพื้นฐานที่สำคัญของคริปโต (Cryptocurrency) เช่นบิตคอยน์ (Bitcoin) และเอเธอเรียม (Ethereum) และมีการนำไปใช้ในหลายด้านและอุตสาหกรรมต่างๆ นอกจากคริปโต
คุณสมบัติที่สำคัญของบล็อกเชนประกอบด้วย
- การทำธุรกรรมที่ไม่เปลี่ยนแปลง (Immutability): ข้อมูลที่เก็บในบล็อกไม่สามารถแก้ไขหรือลบได้ หลังจากที่บล็อกถูกสร้างแล้ว มีการควบคุมความปลอดภัยเพื่อป้องกันการทุจริต
- การกระจาย (Decentralization): บล็อกเชนทำให้ข้อมูลถูกจัดเก็บในรูปแบบที่กระจายอยู่ในหลายๆ ที่ ไม่อยู่ภายใต้ควบคุมของหน่วยงานหรือบุคคลเดียว ทำให้ลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต
- การทำธุรกรรมตรวจสอบได้ (Transparency): ข้อมูลในบล็อกเชนสามารถตรวจสอบได้สาธารณะ ทำให้ทุกคนสามารถตรวจสอบการทำธุรกรรมได้โดยง่าย
- การทำธุรกรรมแบบอัตโนมัติ (Smart Contracts): บล็อกเชนสนับสนุนสมาร์ทคอนแทรคท์ (smart contracts) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ทำงานตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้โดยอัตโนมัติ เมื่อเงื่อนไขถูกทำสำเร็จ
บล็อกเชนมีการนำไปใช้ในหลายสาขาอุตสาหกรรม เช่น การเงิน, การโอนเงิน, ธุรกิจตลาดทุน, การสตาร์ทอัพ, และการจัดการซื้อขายทรัพย์สินต่างๆ